ชาบูชาบู และ สุกี้ยากี้ ต่างเป็นอาหารประเภทหม้อไฟยอดนิยมของญี่ปุ่น แต่มีความแตกต่างกันในหลายแง่มุม ดังนี้
น้ำซุป:
- ชาบูชาบู: ใช้น้ำซุปใส รสชาติเบาบาง เช่น น้ำซุป(คอมบุ) หรือน้ำซุปหัวไชเท้า มักมีรสชาติกลมกล่อมจากวัตถุดิบธรรมชาติ
- สุกี้ยากี้: ใช้น้ำซุปมิริน (น้ำหวานหมักข้าว) ซีอิ๊วขาว น้ำตาล และสาเก รสชาติเข้มข้น หวานมัน
วัตถุดิบ:
- ชาบูชาบู: นิยมใช้วัตถุดิบหลากหลายประเภท เช่น เนื้อสัตว์สไลด์บางๆ (วัว หมู ไก่) ซีฟู้ด ผักต่างๆ เต้าหู้ วุ้นเส้น เห็ด
- สุกี้ยากี้: เน้นเนื้อวัวสไลด์บางๆ ผัก และเต้าหู้
น้ำจิ้ม:
- ชาบูชาบู: ทานคู่กับน้ำจิ้มหลากหลายชนิด เช่น น้ำจิ้มงา น้ำจิ้มพอนซึ น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มซีฟู้ด
- สุกี้ยากี้: ทานคู่กับไข่ไก่สด ตีไข่ลงในถ้วย จิ้มเนื้อสัตว์ที่ต้มสุกแล้ว
วิธีการทาน:
- ชาบูชาบู: ลวกเนื้อสัตว์ ผัก และวัตถุดิบต่างๆ ทีละชิ้นในน้ำซุปเดือดจนสุกพอดี จิ้มกับน้ำจิ้มที่ชอบ ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ
- สุกี้ยากี้: ใส่เนื้อสัตว์ ผัก และวัตถุดิบต่างๆ ลงไปต้มในหม้อไฟจนสุก ทานคู่กับไข่ไก่สด จิ้มกับน้ำซุป
สรุป:
- ชาบูชาบู เน้นน้ำซุปใส รสชาติเบาบาง วัตถุดิบหลากหลาย ทานคู่กับน้ำจิ้มหลากชนิด ลวกทีละชิ้น
- สุกี้ยากี้ เน้นน้ำซุปเข้มข้น หวานมัน วัตถุดิบหลักคือเนื้อวัว ผัก และเต้าหู้ ทานคู่กับไข่ไก่สด ต้มรวมกันในหม้อไฟ
ทั้ง ชาบูชาบู และ สุกี้ยากี้ ต่างเป็นอาหารญี่ปุ่นที่อร่อย ทานสนุก เหมาะกับการทานเป็นกลุ่ม เพื่อน ครอบครัว หรือคนพิเศษ เลือกทานตามความชอบได้เลย!