โรคเบาหวาน เสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อน

โรคเบาหวาน เป็นโรคประจำตัวของใครหลายคนที่มีทั้งสาเหตุจากกรรมพันธุ์ และพฤติกรรมในการรับประทานอาหารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงอยู่ตลอดเวลาเป็นเวลานาน หากไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ อาจเสี่ยงอันตรายทั้งจากตัวโรคเบาหวานเอง ที่อาจทำให้ช็อค เป็นลม หมดสติ และอันตรายจากโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

โรคไต
ภาวะแทรกซ้อนที่ไต เป็นสาเหตุสำคัญของอาการเจ็บป่วย และเสียชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานทั้งประเภท 1 และ 2 โดยมีสาเหตุที่เกี่ยวข้องจากการไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้เป็นเวลานาน

อาการที่พบ

พบโปรตีนอัลบูมิน หรือไข่ขาวรั่วออกมาพร้อมปัสสาวะเล็กน้อย

ปัสสาวะมีฟอง

มีอาการบวมตามร่างกาย

ความดันโลหิตสูง
หากยังไม่ได้รับการเข้ารักษาอย่างทันท่วงที อาจส่งผลให้เกิดภาวะไตวาย จนเสียชีวิตได้ในที่สุด

โรคหลอดเลือดสมอง
ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง รวมถึงความดันโลหิตที่สูง อาจเป็นสาเหตุของภาวะหลอดเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน โดยอาจส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

อาการที่พบ

แขนขาอ่อนแรงขึ้นมาทันที โดยอาจเป็นเฉพาะซีกใดซีกหนึ่ง

เดินไม่ได้

ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นสาเหตุสำคัญอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานเสียชีวิต เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทําให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในผู้เป็นเบาหวานบางราย

อาการที่พบ

เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง
ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบอาจไม่แสดงอาการแน่นหน้าอกชัดเจนเหมือนผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน ดังนั้นถึงเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ผู้ป่วยเบาหวานหลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นอยู่ จึงมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคนี้มากขึ้นไปด้วย

โรคจอประสาทตาเสื่อม
อาจจะเคยได้ยินว่าโรคเบาหวานอาจทำให้ตาบอดได้ โดยผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีความเสี่ยงที่จะตาบอดตากภาวะจอประสาทตาเสื่อมมากกว่าคนปกติมากถึง 30 เท่า

อาการที่พบ

ตามัว จากการหักเหแสงของเลนส์ผิดปกติ ในขณะที่น้ำตาลในเลือดสูง หรือเกิดจากต้อกระจก หรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของจอประสาทตาที่เรียกว่า “เบาหวานขึ้นตา”

เห็นเงาดำเวลามองภาพ เกิดจากมีเลือดออกในวุ้นลูกตา

มองเห็นภาพซ้อน เกิดจากกล้ามเนื้อตาที่ควบคุมโดยเส้นประสาทสมองทำงานผิดปกติ

โรคปลายประสาทเสื่อม
เมื่อมีภาวะแทรกซ้อนจากปลายประสาทเสื่อม จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานแย่ลง เพราะหากมีอาการหนักอาจเป็นสาเหตุให้เกิดแผลที่เท้า และหากไม่ได้รับการรักษาที่ดีพอ อาจเสี่ยงที่จะต้องขัดเท้า หรือตัดขาได้

อาการที่พบ

มีอาการชาที่ปลายมือปลายเท้าทั้งสองข้าง

อาการปวดแสบปวดร้อน หรือปวดเหมือนถูกแทง ส่วนใหญ่อาการมักจะเกิดตอนกลางคืน

รู้สึกชาและการรับสัมผัสลดลง

บางรายอาจมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อแขน และขา

โรคเบาหวาน เสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อน

ข้อมูลจาก
https://www.sanook.com/health/15629/

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า