“อาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์“ อาจจะยังไม่แสดงออกอย่างชัดเจนมาก เพราะทารกในครรภ์ยังเล็กอยู่มาก และ “อาการคนท้อง” ที่แพทย์แนะนำอาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงนี้ ได้แก่
- ประจำเดือนขาด เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งอาการประจำเดือนขาดเกิดจากการที่ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวในผนังมดลูก ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น ทำให้ประจำเดือนขาด
- เต้านมมีการเปลี่ยนแปลง เต้านมจะขยายใหญ่ขึ้น คัดตึง และไวต่อสัมผัส หัวนมและลานนมอาจคล้ำขึ้น
- คลื่นไส้ อาเจียน อาการแพ้ท้องมักเริ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 4-6 ของการตั้งครรภ์ โดยอาการจะรุนแรงขึ้นในช่วง 8-12 สัปดาห์ และจะค่อย ๆ บรรเทาลงเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น
- อ่อนเพลีย อาการอ่อนเพลียมักเกิดขึ้นในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากร่างกายต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก
- ปัสสาวะบ่อย เกิดจากปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไตต้องทำงานมากขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
- อารมณ์แปรปรวน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้เป็นเพียงสัญญาณเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่ากำลังตั้งครรภ์หรือไม่ หากมีอาการดังกล่าว ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ด้วยชุดตรวจการตั้งครรภ์หรือไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำยิ่งขึ้น
นอกจากอาการข้างต้นแล้ว ยังมีอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ได้แก่
- ปวดหัว
- เวียนศีรษะ
- มีตกขาวมากผิดปกติ
- มีเลือดซึมออกทางช่องคลอด
- ท้องอืด
- ท้องผูก
- อยากอาหารมากขึ้นหรือลดลง
- ชอบกลิ่นหรือรังเกียจกลิ่นบางชนิด
หากมีอาการเหล่านี้ ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากอาการรุนแรงหรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรรีบไปพบแพทย์
ขอบคุณภาพถ่ายโดย PNW Production: https://www.pexels.com/th-th/photo/7678124/
ติดตามอ่านเรื่องราว ผู้หญิง เพิ่มเตอม